คำนำ
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากในผู้หญิงไทย
โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้หญิงไทยตายจากมะเร็งปากมดลูกวันละ 7 คน โรคนี้เป็นภัยเงียบและผู้หญิงมีความเสี่ยง
แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองไม่มีโอกาสเป็น เนื่องจากครอบครัวไม่มีใครเคยเป็น อีกทั้งตัวเองก้อเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว ไม่มีคู่นอนหลายคน จึงไม่สนใจจะหาทางป้องกัน
ในความเป็นจริงมะเร็งปากมดลูกไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากเชื้อเอชพีวี
ซึงสามารถติดต่อได้ง่ายและพบบ่อยที่สุดของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยจากสถิติพบว่า 50 – 80% ของผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต แต่เมื่อติดเชื้อแล้ว มากกว่า
90% จะหายเองได้ มีส่วนหนึ่งที่เป็นเรื้อรังและก่อให้เกิดปัญหา
เชื้อเอชพีวีมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยทั่วไปเรามีการจัดเชื้อเอชพีวีเป็น 2
กลุ่ม ได้แก่ เชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง มีทั้งหมด
15 สายพันธุ์ สายพันธุ์ที่พบบ่อยคือสายพันธุ์ 16 , 18 , 45 , 31 , 33 โดยพบว่าสายพันธุ์ 16
และ 18 เป็นสาเหตุประมาณ 70%
ของมะเร็งปากมดลูก
สายพันธุ์ 45 , 31 ,
33 พบเป็นอันดับรองลงมาตามลำดับ และเป็นสาเหตุอีกประมาณ 10%
ของมะเร็งปากมดลูก
ดังนั้นหากเราสามารถป้องกันเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์เหล่านี้ได้ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 80%
เชื้อเอชพีวีกลุ่มหนึ่ง
คือ
สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง
ได้แก่สายพันธุ์ 6 , 11 ,
40 , 42 , 43 เชื้อเอชพีวีกลุ่มนี้เป็นสาเหตุของหูดอวัยวะเพศ ไม่ก่อให้เกิดมะเร็งแต่อย่างใด และหากเป็นก็สามารถรักษาให้หายได้
สารบัญ
เรื่อง หน้า
บทนำ
โรคมะเร็ง
1
โรคมะเร็งปากมดลูก
2
สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งปากมลูก
3
-
สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
-
ปัจจัยเสี่ยงอื่น
อาการของโรงมะเร็งปากมดลูก
4 - 5
-
พยาธิสรีรวิยา (Pathophysiology)
-
อาการแสดง (Clinical Manifestations)
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูก 6
-
ปัจจัยเสี่ยง
-
ปัจจัยเสี่ยงจากฝ่ายชาย
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
7 - 8
-
วัคซีนโรคมะเร็งปากมดลูก
-
เมื่อไรจึงจะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
-
จะต้องฉีดกี่เข็ม
การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก
9 - 10
-
การรักษา(Medical Management)
-
การพยาบาล(Nursing Management
of the Medical
Client)
-
การผ่าตัด(Surgical Management)
-
การพยาบาล(Nursing Management
of the Surgical
Client)
ผู้หญิงควรจะตรวจหาโรคมะเร็งปากมดลูกเมื่อใด
11 - 13
-
ผู้หญิงควรจะตรวจภายในเมื่อใด
-
ผู้หญิงควรจะตรวจภายในเมื่อไร
ตรวจแล้วจะบอกอะไรได้บ้าง เวลาตรวจควรเตรียมตัวมาอย่างไร
-
ในการตรวจภายในสิ่งที่ต้องคำนึงด้วยเสมอเพื่อมิให้วินิจฉัยโรคผิดพลาด
-
เรื่องควรรู้เพื่อเตรียมตัวรับการการตรวจภายใน
บทนำ
ในปัจจุบันนี้หญิงไทยของเรามีโอกาสี่จะเกิดโรคต่างๆได้มากมาย
และอีกโรคหนึ่งที่หญิงไทยควรจะใส่ใจและไม่ควรที่จะมองข้ามมันนั่นคือโรคมะเร็งปากมดลูก โรคนี้เป็นภัยเงียบและผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยง
แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองไม่มีโอกาสเป็น เนื่องจากครอบครัวไม่เคยมีใครเป็น อีกทั้งตัวเองก็เป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่ได้มีคู่นอนหลายคน จึงไม่สนใจที่จะหาทางป้องกัน
สำนักนโยบายและแผนสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสาเหตุการตายในประเทศไทย ปี พ.ศ.2541 พบว่ามีสาเหตุการตายจากโรคมะเร็งทั้งหญิงและชายเกิดจากมะเร็งตับมากที่สุดในอัตรารวม 36.6 รายต่อแสนคน
ชายมากกว่าหญิง 1.8 เท่า
สำหรับเพศชายเสียชีวิตจากมะเร็งปอดและหลอดลมเป็นอันดับสอง 18.0
รายต่อแสนคน
ชายมากกว่าหญิง 3.2 เท่า
ส่วนในเพศหญิงมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์เป็นวาเหตุการณ์ตายมากเป็นอันดับสอง คือ 13.8 รายต่อแสนคน สูงกว่าในอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายถึง 6.5 เท่า
และอันดับสามเป็นมะเร็งปอด
และหลอดลม 8.5 ต่อแสนคน (นายประเสริฐ
อัสสันตชัย,2548)
หญิงไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หญิงไทยเราไม่ใส่ใจเกี่ยวกับโรคนี้เลย จึงทำให้เกิดโรคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่สามารถรักษาหายถ้าเรารู้จักป้องกัน และรู้จักใส่ใจตัวเองมากยิ่งขึ้น
โรคมะเร็ง (Cancer)
มะเร็งเป็นสาเหตุของการตายอันดับที่สองรองจากโรคหัวใจ ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้นตามอายุขัย
ผลกระทบจากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งมีมากมายกล่าวคือ
ผลกระทบทางด้านจิตใจทำให้มีความวิตกกังวลจนกระทั่งซึงเศร้า
เพราะโรคมะเร็งถือเป็นเหตุการณ์ที่คุกคามชีวิต นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวลต่อครอบครัว ได้แก่
การำเนินชีวิตตามปกติ
ค่าใช้จ่ายของครอบครัว
ทำให้มีความสูญเสียรายได้
และต้องจ่ายเพิ่มขึ้นไปกับการดูแลรักษาพยาบาล
ส่วนผลกระทบทางด้านร่างกายที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัสคือ ความปวด
และทำให้ร่างกายอ่อนแอลง
โรคมะเร็งนับว่ามีความสำคัญและเป็นปัญหาสาธารณสุขในเกือบทุกประเทศ เนื่องจากเป็นสาเหตุการตายที่อยู่ใน 10 อันดับแรก
สำหรับประเทศไทยเป็นสาเหตุการตายอันดับที่
3
รองจากอุบัติเหตุและโรคหัวใจ
โดยมีอัตราการตาย 27 ต่อประชากรแสนคนในปี 2525-2529 (กองสิติสาธารณสุข,2531)
นอกจากนั้นการรักษาในผู้ป่วยบางคนซับซ้อนและต้องใช้เวลานานกว่าโรคอื่นๆ
ร่วมกับคนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและมีเจตคติที่ไม่ดีต่อโรคนี้ เช่น
เชื่อว่าการเป็นโรคมะเร็ง
หมายถึงความเจ็บปวด
ความสูญเสีย
ความพิการความน่ารังเกียจ
ความว้าเหว่ ความพลัดพราก และเป็นภาระต่อผู้อื่น
ดังนั้นโรคมะเร็งจึงก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและศักยภาพของชีวิตได้สูงมาก
โรคมะเร็งปากมดลูก
ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบโรคมะเร็งปากมดลูกประมาณร้อยละ 17 ของโรคมะเร็งในนรีเวชกรรมและเป็นอันดับ 9
ของมะเร็งที่พบในผู้หญิง (Gauthier and
Carcio,2000:1119) อัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกทุกอายุ 4
คนต่อแสนคนสตรีอเริกันทุกคนมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 0.7
อัตราการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกชนิดอินไซตู (carcinoma in
situ)
มากกว่าชนิดลุกลามถึง 3 เท่า พบโรคมะเร็งปากมดลูกชนิดอินไซตู ในกลุ่มอายุ
25-29 ปี อัตราการเกิดโรคสูงสุดในกลุ่มอายุ 30-45 ปีประมาณ
6 คนต่อพันคนและอายุมากกว่า 60
ปีประมาณ 5 คนต่อพันคน
อัตราความชุกของโรคมะเร็งปากมดลูกชนิดลุกลามจะสูงสุดในกลุ่มคนอายุโดยเฉพาะกลุ่มคนอายุมากกว่า 50
ปี (Brown,2000:86,88) ในปี พ.ศ. 2544
ประเทศไทยมีอัตราการตายจกโรคมะเร็งปากมดลูก 3.5
คนต่อประชากรหญิงแสนคน
ซึ่งสูงกว่าปี พ.ศ. 2543
ซึ่งมีอัตราการตาย 2.8 คนต่อประชากรหญิงแสนคน และเป็นอัตราการตายที่สูงเป็นอันดับที่ 4
ของผู้หญิงที่เป็นมะเร็ง
สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ที่แท้จริงยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจน
แต่มะเร็งปากมดลูกมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับ Human papilloma
viaur (HPV)
ทั้งนี้เพราะตรวจพบดีเอ็นเอ (DNA) ของไวรัสนี้โดยเฉพาะชนิดที่มีรูปแบบพันธุกรรม (genotype) 16
18 31 และ 33
ในเนื้อเยื่อบุปากมดลูกของสตรีที่เป็นมะเร็งปากมดลูก (Gauthier and
Carcio, 2000:1120) ไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ (venereal warts) โดยเฉพาะชนิด16 และ 18 (Brown, 2000:86)
นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่มีไวรัสฮิวแมนแพบพิลโลมาจะเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าคนทั่วไป
15 เท่า
ปัจจัยที่ทำหัยเกิดไวรัสฮิวแมนแพบโลมา
คือ
เริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยหรือก่อนอายุ 20
ปี มีคู่หลายคน มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง ติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะผู้มีซีดี 4
(CD-4)ต่ำ สูบบุหรี่
และรับระทานอาหารโดยไม่ถูกหลักโภชนาการ
(Gauthier and Carcio,2000:1120)
ปัจจัยเสี่ยงอื่น คือ
การตั้งครรภ์บ่อยหรือมีบุตรมาก (Georges,2000:772) ตั้งครรภ์แรกเมื่ออายุน้อย มีประการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น Herpes
virus
hominis, Trichomonas, syphillis เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่มีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยเสี่ยง คือ
ใช้แป้งที่มีแร่ (Talc) สูบบุหรี่ รัปประทานยาคุมกำเนิด ขาดวิตามินเอและซี การเผาผลาญกรดโฟลิกผิดปกติ โรคเบาหวาน
ภาวะที่ไม่เคยคลอด (nulliparity) สวนล้างช่องคลอดบ่อย (Phipps, Sands
and Marek,1999:1546) ได้รับไดเอธิลสติลเบสตอลตั้งแต่ในครรภ์ (diethylstilbestrol in
utero)
ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือภูมิคุ้มกันต่ำ
และไม่เคยตรวจคัดกรอง (screening) (Brown,2000:88)
อาการของโรคมะเร็งปากมดลูก
พยาธิสรีรวิยา (Pathophysiology)
พบมีการเกิดของเซลล์ที่ผิดปกติไปจากเซลล์แม่ที่เรียกว่า dysplasia ในระยะนี้เซลล์มีการเปลี่ยนรูปร่าง ซึ่งแบ่งออกได้เป็นหลายระยะ ได้แก่
- Mild
dysplasia หรือ CIN
1
- Moderate
dysplasia หรือ CIN
2
- Severe
dysplasia หรือ CIN 3
- Carcinoma in
situ (CIS)
สตรีที่ดีรับการวินิจฉัยเป็น Carcinoma in
situ 91% พบว่าไม่มีการกระจายของเซลล์และสามารถรักษาให้หายได้แต่อาจพบการกลับมาเป็นซ้ำในระยะก่อนลุกลามละระยะลุกลามของเซลล์มะเร็งในระหว่างช่วง 5-10 ปี
เซลล์มะเร็งที่ปากมดลูกส่วนใหญ่เป็นชนิด
squamous cells ที่มักเรียกว่า Squamous cells
carcinoma มักจะพบเซลล์มะเร็งในบริเวณที่เรียกว่า squamocolummnar junction
ซึ่งเป็นบริเวณไกล้กับปากมดลูกรอบนอก
การแพร่กระจายของเซลล์นี้เกิดขึ้นได้ที่เยื่อบุของช่องคลอดมดลูกส่วนล่าง ผนังหน้าท้อง
ผนังเชิงกราน
กระเพาะปัสสาวะและลำไส้
เซลล์มะเร็งสามารถแพร่กระจายผ่านทางระบบน้ำเหลืองผ่านเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตไปยังตับ ปอด
และกระดูกได้
อาการแสดง (Clinical Manifestations)
มะเร็งปากมดลูกระยะแรกๆ ส่วนใหญ่ไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้ถึงแม้จะตรวจ pap smear ให้ผลผิดปกติก็ตาม
อาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีตรวจชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น HPV deoxyribonucleic acid (DNA)
เพื่อใช้ในการตรวจเซลล์มะเร็งซ้ำ มักทำการตรวจซ้ำหลังตรวจ pap smear แล้วการตรวจอื่นๆ เช่น swab ทำได้เช่นกันเพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งที่ผิดปกติ ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายมักตรวจพบอาการดังนี้ เช่น
มีสารคัดหลั่งหรือเลือดที่ออกทางช่องคลอดโดยเฉพาะภายหลังการร่วมเพศการเกิด Metrorrhagia , postmenopausal bleeding , และ polymenorrhea (increasing frequency
of menstrual bleeding) อาจพบได้เช่นกัน
การมีเลือดออกในระยะแรกอาจพบเป็นจุดเลือดออก (spotting) หรือเป็นเลือดออกจากการสัมผัส (contact bleeding
trauma secondary to
sexual intercourse)
ในระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือในระยะสวนล้างช่องคลอด (douching) จำนวนเลือดที่ออกรวมทั้งระยะเวลาสามารถเป็นตัวบ่งบอกถึงการลุกลามของโรค สารคัดหลั่งที่ออกทางช่องคลอดมักเป็นสีดำ
มีกลิ่นเหม็น การมีเลือดออกตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งไม่นาพึงประสงค์ นอกจากนี้ยังอาจพบอาการ
1.
ความดันเพิ่มขึ้นในช่องท้องและกระเพาะปัสสาวะ
2.
มีการระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ
3.
มีสารคัดหลั่งออกทางทวารหนัก
4.
มีอาการที่เกิดจากการอุดกั้นภายในมดลูก
5.
มีอาการปวดถ่วงในช่องท้องอย่างรุนแรง
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก
ปัจจัยเสี่ยง หมายถึง การเปลี่ยนแปลงใดใดที่เกิดขึ้นแล้วทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น
มะเร็งแต่ละชนิดจะมีปัจจัยเสี่ยงต่างกัน
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลุกได้แก่
- การติดเชื้อ HPV หรือการเป็นหูดที่อวัยวะเพศ
เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการเกิด มะเร็งปากมดลูก
- การสูบบุหรี่
ของการเกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นสองเท่า
- การรับประทานยาคุมกำเนิด
- ระบบภูมิคุ้มกันของคุณสุภาพสตรี
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดีจะทำให้เกิดโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ง่ายจึงมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลุกเพิ่มขึ้น
- การติดเชื้อ
Chlamydia พบว่าผู้ที่ติดเชื้อ Chlamydia ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
- อาหาร ผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อยจะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้
- ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดมาเป็นระยะเวลานานจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูก
- การมีบุตรหลายคนเชื่อว่าจะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น
เชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนทำให้ติดเชื้อ HPV ง่าย และขาดการป้องกันการติดเชื้อ
- ผู้ที่มีฐานะต่ำเนื่องจากเข้าถึงบริการไม่ทั่วถึง
ปัจจัยเสี่ยงจากฝ่ายชาย
ที่อาจทำให้ผู้หญิงเป็น
มะเร็งปากมดลูก
- ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- ผู้หญิงที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
- ผู้หญิงที่มีสามีเคยมีภรรยาเป็น มะเร็งปากมดลูก - ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
- ผู้หญิงที่มีสามีเคยมีภรรยาเป็น มะเร็งปากมดลูก - ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่เกิดบ่อยที่สุดของคุณสุภาพสตรี
และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้นๆ
การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกจะได้ผลดีเมื่อสามารถค้นหาโรคได้ในระยะเริ่มแรกโดยการตรวจภายใน
มักจะรักษาโดยการผ่าตัด หรือการให้รังสีรักษา แต่หากพบโรคในระยะท้ายของโรคก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกน่าจะเป็นวิธีที่ดี
วัคซีนโรค
มะเร็งปากมดลูก
หลายๆ
คนคงเคยได้ยินเรื่องการรณรงค์ฉีดวัคซีนโรค มะเร็งปากมดลูก
ความจริงแล้ว ระดับการป้องกันโรค
มะเร็งปากมดลูก มีหลายระดับ โดยระดับแรกของการป้องกันคือ
การฉีดวัคซีน ที่เชื่อว่าลดความเสี่ยงได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้
การป้องกันขั้นพื้นฐานด้วยการตรวจแพปสเมียร์เป็นประจำก็เป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา เด็กและหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 26 ปี ซึ่งไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวี ส่วนหญิงสาวที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ควรตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก หรือแพปสเมียร์เสียก่อน เพราะเป็นไปได้ว่าอาจพบการติดเชื้อ หรือมีความผิดปกติ ซึ่งจะต้องทำการรักษาให้หายเสียก่อน จึงจะรับการฉีดวัคซีนได้ในเวลาต่อมา ส่วนวัยที่ควรเริ่มฉีดวัคซีนชนิดนี้คือ 9 ปีขึ้นไป และการใช้วัคซีนในผู้หญิงวัย 9 – 26 ปี จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่าลืมหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ และความผิดปกติของร่างกาย ที่สำคัญอย่ากลัวหรืออายที่จะไปตรวจหาเชื้อ มะเร็งปากมดลูก เพราะหากช้าไป โรคร้ายอาจทำลายคุณ
ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา เด็กและหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 26 ปี ซึ่งไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวี ส่วนหญิงสาวที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ควรตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก หรือแพปสเมียร์เสียก่อน เพราะเป็นไปได้ว่าอาจพบการติดเชื้อ หรือมีความผิดปกติ ซึ่งจะต้องทำการรักษาให้หายเสียก่อน จึงจะรับการฉีดวัคซีนได้ในเวลาต่อมา ส่วนวัยที่ควรเริ่มฉีดวัคซีนชนิดนี้คือ 9 ปีขึ้นไป และการใช้วัคซีนในผู้หญิงวัย 9 – 26 ปี จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่าลืมหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ และความผิดปกติของร่างกาย ที่สำคัญอย่ากลัวหรืออายที่จะไปตรวจหาเชื้อ มะเร็งปากมดลูก เพราะหากช้าไป โรคร้ายอาจทำลายคุณ
เมื่อไรจึงจะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
มีคำแนะนำจากองค์การอาหารและยาของอเมริกาแนะนำว่าให้เริ่มฉีดเมื่ออายุประมาณ 11-12 ปี
แต่อาจจะฉีดเมื่ออายุ 9 ปีก็ได้
เนื่องจากเด็กในช่วงอายุดังกล่าวยังไม่มีการติดเชื้อ HPV และช่วงดังกล่าวเด็กจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่
นอกจากนั้นยังแนะนำว่าว่าผู้ที่อายุตั้งแต่
13-26
ที่ไม่เคยฉีดวัคซีน หรือฉีดไม่ครบควรจะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน
จะต้องฉีดกี่เข็ม
ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฉีดสามเข็มคือ
เข็มที่สองและสามห่างจากเข็มแรกสองและสี่เดือนตามลำดับ
ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิได้เต็มที่เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV
- ครั้งที่1ให้ฉีดตามที่กำหนด
- ครั้งที่สองห่างจากครั้งแรก
1-2 เดือน
- ครั้งที่ 3 ห่างจากเข็มแรกประมาณ 6 เดือน
การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก
การรักษา(Medical Management)
การฉายรังสีมีความจำเป็นสำหรับมะเร็งปากมดลูกในระยะแรกๆ เนื่องจากก่อให้เกิดผลในการรักษาที่ดี
แต่ก้อทำให้เป็นสาเหตุของการหมดประจำเดือนได้ ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกที่พบในระยะตั้งครรภ์
อาจมีการรักษาได้หลายวิธีขึ้นกับระยะของมะเร็ง ระยะของการตั้งครรภ์
และความต้องการมีบุตรของผู้ป่วย
ผู้ป่วยอาจยังคงตั้งครรภ์ต่อไปได้หากพบเป็นมะเร็งระยะแรกๆ (CIN) หรือ
carcinoma in situ โดยแพทย์มักให้การรักษาโดยวิธีทำ cold conization
หรือ LEEP ในระยะ 2-3 เดือนหลังคลอดบุตร
หากพบผู้ป่วยตั้งครรภ์เป็นมะเร็งในระยะลุกลาม แพทย์มักใช้วิธีทำแท้ง หากพบมีการตั้งครรภ์ไม่ถึง 24 สัปดาห์
ถ้าตั้งครรภ์เกินกว่านี้อาจชะลอการรักษาไว้จนถึงอายุครรภ์ 28-32
สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงทำการผ่าตัดคลอด
ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาโดยการตัดมดลูกร่วมกับการฉายรังสีในระยะหลังคลอด
การพยาบาล(Nursing Management
of the Medical
Client)
เน้นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการฉายรังสี การป้องกันอื่นๆ เช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกลับมาเป็นซ้ำ โดยการตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจภายในอุ้งเชิงกรานและการทำ pap smear ควรทำทุก 3 เดือน ในระยะ
2 ปีแรก
การผ่าตัด(Surgical Management)
แพทย์อาจให้การรักษา เช่น
1.
Cryosurgery
เป็นวิธีนำความเย็นเฉพาะที่มาเพื่อกำจัดเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ผิดปกติโดยใช้แก๊ส เช่น Nitrous oxide หรือ Carbon dioxide
ความเย็นดังกล่าวจะทำให้เซลล์ตายเนื่องจากถูกทำลายและแห้งไป เซลล์จะหลุดออกมาเป็นสารคัดหลั่งภายใน 2-3
สัปดาห์
2.
Conization
คือการตัดเซลล์ออกเป็นรูปกรวย
3.
Laser
Therapy of LEEP เป็นการทำลายเซลล์ที่ผิดปกติโดยใช้แสงเลเซอร์ทำให้เกิดการไหม้ของเนื้อเยื่อและหลุดออกมาภายใน 2-3
สัปดาห์ต่อมา
การผ่าตัดมดลูกออกทางช่องท้อง(Total Abdominal
Hysterectomy)
สามารถใช้รักษามะเร็งในระยะเริ่มต้นได้ผลดี การรักษาชนิด
pelvic exenteration คือ
การรักษาที่ครอบคลุมกว่าใช้ในกรณีที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว วิธีทำโดยการผ่าตัดเอาอวัยวะต่างๆ ในอุ้งเชิงกรานออก เช่น มดลูก
ท่อนำไข่ รังไข่ ช่องคลอด
กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก ลำไส้ใหญ่
การพยาบาล(Nursing Management
of the Surgical
Client)
พยาบาลควรให้คำอธิบายขั้นตอนในการรักษา เช่น cryosurgery
, laser therapy , LEEP รวมทั้งให้คำแนะนำในการตัดสินใจเพื่อการผ่าตัด การใส่เครื่องมือตรวจภายใน รวมทั้งคำอธิบายถึงอาการที่เกิดขึ้น เช่น
เวียนศรีษะ หรือเกร็ง หรือเวียนในขณะตรวจอาจเกิดขึ้นได้ พยาบาลควรให้กำลังใจโดยใช้วิธี
1.
อยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วย
2.
บอกขั้นตอนในขณะทำการรักษา
3.
พูดคุยและรับฟังความรู้สึกของผู้ป่วย
4.
ยอมรับสภาพของผู้ป่วย
5.
อนุญาตให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจเพื่อการรักษา
การประเมินความไม่สุขสบายระหว่างขั้นตอนต่างๆ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง อาจให้ยาระงับปวดชนิดอ่อนได้ รวมทั้งฝึกให้มีการหายใจเข้า-ออก ช้าๆลึกๆ
รวมทั้งสังเกตอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ
เช่น
อาการเกร็งที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังการรักษา การให้ผู้ป่วยทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ก็เป็นสิ่งจำเป็น
เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้
ผู้ป่วยควรอาบน้ำจากผักบัวแทนการนั่งอาบในอ่างน้ำ เนื่องจากแผลจะหายภายในระยะ 6 สัปดาห์
ผู้หญิงควรจะเริ่มตรวจหามะเร็งปากมดลูกเมื่อใด
ผู้หญิงควรจะตรวจภายในเมื่อไหร่
“ตรวจภายใน” ประโยคสั้นๆ นี้ที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่สบายใจไปตามๆ กันหากต้องรับการตรวจ ไม่ว่าจะเป็นหญิงมีบุตรแล้วหรือหญิงที่ยังไม่แต่งงานก็ตาม อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการตรวจภายในเป็นการตรวจทางการแพทย์ที่ผู้หญิงทุก คนจำเป็นต้องตรวจตามความเหมาะสม
ผู้หญิงควรจะตรวจภายในเมื่อไร ตรวจแล้วจะบอกอะไรได้บ้าง เวลาตรวจควรเตรียมตัวมาอย่างไร
การตรวจภายในทำได้ทุกอายุของผู้หญิงเลย ถ้าเกิดมีตกขาวผิดปกติ มีเลือดออก ช่องคลอดมีกลิ่น ปวดท้องน้อย สงสัยมีก้อนหรือมีน้ำในท้อง ในเด็กวัยอนุบาลประถม ก็ตรวจได้ถ้ามีอาการผิดปกติดังกล่าว จะมีเครื่องมืออันเล็กเหมือนที่ตรวจรูจมูก บางครั้งสูตินรีแพทย์ใช้นิ้วก้อยตรวจได้ หรือตรวจทางทวารหนักแทน เด็กผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์เร็วตั้งแต่วัยรุ่นก็สามารถตรวจได้ เพื่อรักษาโรคทางเพศสัมพันธ์ ตกขาว เลือดออกผิดปกติ ปวดท้องน้อย หรือเกิดโชคร้ายท้องนอกมดลูก เป็นถุงน้ำที่รังไข่ ก็สามารถตรวจภายในวินิจฉัยได้ ส่วนผู้หญิงโสด ถ้าประจำเดือนปกติ ตรวจสุขภาพทั่วไปและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกปกติ จะเริ่มตรวจภายในเช็คมะเร็งปากมดลูกตอนอายุ 30 ปีขึ้นไปก็ได้
ในการตรวจภายในสิ่งที่ต้องคำนึงด้วยเสมอเพื่อมิให้วินิจฉัยโรคผิดพลาด คือ
เรื่องประจำเดือนซึ่งต้องเน้นรายละเอียดและความแม่นยำที่ถูกต้อง ในบางครั้งคำนำหน้าชื่อของผู้หญิงที่ยังเป็นนางสาว มิได้ยืนยันการไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน ถ้าเชื่อตามคำนำหน้าชื่ออาจทำให้วินิจฉัยโรคผิดพลาดได้ การสอบถามประวัติของแพทย์และการให้ข้อมูลที่เป็นจริงของผู้ได้รับการตรวจ เป็นเรื่องสำคัญมาก ที่เคยเจอมาแล้วก็คือ สูตินรีแพทย์บางคนเกรงใจไม่กล้าถามมาก ปรากฏว่าได้ผ่าตัดสิ่งที่คิดว่าเป็นเนื้องอกในมดลูกที่มีขนาดเท่าอายุครรภ์ 4 เดือนออกไป หลังจากตรวจชิ้นเนื้อกลับพบว่าเป็นเด็กทารก เป็นที่น่าเสียใจว่าเธอถูกตัดมดลูกออกไป โดยที่ไม่มีโอกาสมีบุตรอีก เพราะพยายามปิดบังข้อมูลกับแพทย์ และแพทย์ท่านนั้นก็ไม่นึกว่าเธอจะมีเพศสัมพันธ์จนมีบุตร เพราะลักษณะภายนอกเธอเป็นผู้ดีและเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เพราะฉะนั้นการซักประวัติส่วนตัวอย่างละเอียดเกี่ยวกับ เรื่องเพศสัมพันธ์ การใช้ยาคุม จำนวนบุตร การแท้งธรรมชาติ หรือการทำแท้งจะมีประโยชน์ต่อการวินิจฉัยโรคมาก ขอให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่แพทย์จำเป็นต้องถามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เด็กผู้หญิงบางคนจะใจแข็งมาก บางครั้งอยู่ที่หอพักเดียวกัน พากันมาส่งเพราะมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง ท้องป่อง แพทย์ห้องฉุกเฉินนึกว่าปัสสาวะไม่ออกเลยปวด กำลังจะสวนปัสสาวะให้ ปรากฏว่าเบ่งแป็บเดียวเด็กออกมาเลย ก็เคยพบกันบ่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่มารดาพามาตรวจ นึกว่าเป็นโรคท้องป่องท้องมาร นึกว่าใครเสกอะไรเข้าท้อง พอหมอตรวจท้อง ฟังแล้วพบว่ามีเสียงหัวใจอีกดวง ก็ยังไม่ยอมรับ ผู้หญิงเรามักจะใจแข็งจริงๆ แต่พอเอกซเรย์ดูจึงเห็นกระดูกศีรษะ ซี่โครง แขนขา มารดาเข่าอ่อนไปเลยก็มี ส่วนใหญ่มารดาของเด็กสาวมักจะห้ามบอกบิดา เพราะบิดาจะอารมณ์รุนแรงรับไม่ได้ ทั้งที่พ่อแม่ควรให้อภัยแก่ลูกสาว บางเรื่องพลาดแล้วย้อนกลับคืนไม่ได้ แต่โอกาสทำความดีต่อไปของคนเรายังมี อย่าไปด่าว่าหรือทุบตีรุนแรงเลย
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ในบางครั้งระยะที่ขาดประจำเดือนกับขนาดท้องไม่สัมพันธ์กัน เป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่เสมอ ต้องติดตามดูอาการและได้รับการตรวจครรภ์ตามแพทย์ และใส่ใจประเมินครบกำหนดคลอด
บางคนมีลูกมา 2 – 3 คนแล้ว ท้องลาย ก้นลาย แต่มาบอกหมอสูติว่าท้องแรก เอ้า ท้องแรกก็ท้องแรก แต่เวลาคุณเธอคลอดเราต้องระวัง เพราะท้องแรกจะคลอดช้า ท้องสองและสามจะไวมาก หมอสูติต้องเตรียมพร้อม
เรื่องอาการทางกระเพาะปัสสาวะ มักเกี่ยวข้องกับช่องคลอดและมดลูกเสมอในเรื่องการรักษา เช่น ถ้ากระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยๆ รักษาไม่หาย ควรนึกถึงการอักเสบเรื้อรังในช่องคลอดด้วย บางครั้งปัสสาวะไม่ออก เพราะมดลูกจากผู้หญิงที่เบ่งลูกหลายคน เอ็นที่ยึดมดลูกจะไม่ตึง ทำให้มดลูกหย่อนมาจุกตรงช่องคลอด กดช่องปัสสาวะทำให้ปัสสาวะไม่ออก
เรื่องควรรู้เพื่อเตรียมตัวรับการการตรวจภายใน
การตรวจภายในได้ทุกเวลา ยกเว้นช่วงที่มีประจำเดือน แต่ถ้ามีเลือดออกผิดปกติไม่ใช่ประจำเดือน ก็ตรวจได้เลยจะได้ดูจุดที่เลือดออก สีของเลือด ปริมาณมากน้อยแค่ไหน วินิจฉัยได้แม่นยำไม่ต้องรอเลือดหยุด ซึ่งควรเตรียมตัวก่อนรับการตรวจภายในดังนี้
ควรปัสสาวะทิ้งให้หมดก่อน เพื่อที่แพทย์จะได้คลำขนาดมดลูกและปีกมดลูกให้ชัดเจน
ถ้ามีปัญหาเรื่องกระเพาะ ปัสสาวะ สูตินรีแพทย์อาจสวนตรวจเพาะเชื้อโรคและให้ยาปฏิชีวนะตามเชื้อโรคนั้นๆ
ถ้ามีปัญหาเรื่องตกขาวมีกลิ่น คัน ตกขาวเปลี่ยนสี ไม่ควรสอดยามาเอง ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อแพทย์จะได้ตรวจเชื้อได้ถูกต้อง ให้ยาได้ทันท่วงที ถ้าสอดยามา จะมียาเต็มในช่องคลอด จะตรวจไม่ได้
ไม่ควรใช้น้ำยาล้างลึกเข้าไปในช่องคลอดก่อนมาตรวจ มะเร็งปากมดลูก หรือมาตรวจการ เพราะภาวะความเป็นกรดด่างถูกทำลาย เซลล์ที่หลุดลอกออกมาถูกล้างไปหมด
ไม่ต้องงดอาหารและน้ำดื่มมาในการตรวจภายในมาตรวจได้เลย ทางสูตินรีแพทย์จะ ตรวจคลำเต้านมให้ด้วย ถ้ามีน้ำไหลจากหัวนม จะบีบใส่ slide ไปตรวจเซลล์มะเร็ง
ในการวินิจฉัยบางโรค เช่น เยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ อาจตรวจทางทวารหนักร่วมด้วยโดยใช้นิ้วชี้ตรวจทางช่องคลอด นิ้งกลางตรวจทางทวารหนัก และอีกมือคลำหน้าท้องด้วย
เวลาตรวจภายในจะเริ่มจากดูต่อม Bartholin และต่อม Skene ซึ่งหลั่งสิ่งหล่อลื่นในช่องคลอดรวมทั้งกลิ่นด้วย ว่ามามีหนองหรือเป็น cyst ไหม มีการหย่อนด้านหลังของผนังช่องคลอดไหม ตรวจดูว่าหูรูดกระเพาะปัสสาวะหย่อนหรือไม่ ให้เบ่งดูหรือไอดูขณะมีน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะอยู่เต็ม ว่าเล็ดกระเด็นออกมาหรือไม่ มดลูกเคลื่อนต่ำลงมาหรือเปล่า มีหนองอยู่ในที่ปัสสาวะและในช่องคลอดหรือไม่ สังเกตปากมดลูกว่าปลิ้น มีรอยฉีกขาด อักเสบเรื้อรัง หรือมีหนองจากรูมดลูกหรือไม่ จังหวะนี้ก็จะตรวจมะเร็งปากมดลูกจากรูมดลูก รอบคอมดลูก และด้านหลังของช่องคลอด ส่วนลึกต่ำกว่าปากมดลูก นอกจากนี้ก็จะคลำขนาด ตำแหน่ง การเคลื่อนไหวของมดลูก กดแล้วเจ็บหรือไม่ รวมทั้งผิวเรียบหรือไม่ และคลำปีกมดลูก 2 ข้างด้วย เพื่อดูเนื้องอกรังไข่และท่อรังไข่ว่ามีความผิดปกติอย่างไรหรือไม่ ( Health Today โดย พญ.ประภาพรรณ นาควัชระ ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวชวิทยา)
บทสรุป
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย มีอุบัติการณ์
24.7 ต่อประชากรหญิง 100,000 คน
โดยในแต่ละปีจะมีหญิงไทยป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มประมาณปีละ 7,000
คน
มะเร็งปากมดลูกยังเป็นสาเหตุการตาย(จากมะเร็ง) อันดับที่สามของหญิงไทย รองมาจากมะเร็งตับและปอด โดยเฉลี่ยจะมีหญิงไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกวันละ 7
ราย
ช่วงอายุที่พบบ่อยคือ 45 –
55 ปี
เป็นช่วงวัยทำงานส่วนใหญ่มีบุตรที่ยังอยู่ในวัยเรียน
ซึ่งการเป็นมะเร็งปากมดลูกจะมีผลกระทบต่อครอบครัวผู้ป่วยอย่างมาก เป็นที่ทราบกันดีว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ ถ้าสามารถตรวจพบก่อนเป็นมะเร็ง
รายงานจากสำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติพบว่า ในปี
พ.ศ. 2544 ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกใหม่ปีละ 6,192
ราย เสียชีวิต 3,166
รายหรือประมาณร้อยละ
50 ถ้าคิดคำนวณแล้วจะมีสตรีไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกวันละ 7
ราย
มะเร็งปากมดลูกพบมากที่สุดในภาคเหนือของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันได้และสามารถตรวจคัดกรองหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็งซึ่งรักษาได้ผลดี
เอกสารอ้างอิง
ประสาร
ขจรรัตนเดช , นรินทร์ วรวุฒิ ,
ครั้งที่ 1 (พฤศจิกายน 2546) ตำรามะเร็งวิทยา 1 ,167-172
ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพยาไท
เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330
จันทิรา
ภาวิไล , ฉบับที่ 1 (เมษายน 2534) มะเร็งปริทัศน์ CANCER OVERVIEW , 27-39
โรงพิมพ์ดาว เชียงใหม่
ผศ.พญ.สุจิรา
จรัสศิลป์ , ครั้งที่ 1 (พฤศจิกายน 2541) มะเร็งที่รัก , 757-764
โรงพิมพ์พุทธอเนกประสงค์
ตำบลบางไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
สุรเกียรติ
อาชานานุภาพ , ครั้งที่ 2 , 2543 , ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป , กรุงเทพ
สมจิต
หนุเจริญกุล , ครั้งที่ 5 , การพยาบาลทางอายุรศาสตร์
เล่ม 1 , 255-279
โครงการตำราภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
วลัยพร
นันท์ศุภวัฒน์ , ครั้งที่ 2 , (มีนาคม 2552) , การพยาบาลผู้สูงอายุ
ความท้าทายกับภาวะประชากรสูงอายุ
, 204-206 , พิมพ์ที่ หจก.ขอนแก่นการพิมพ์
รองศาสตราจารย์ ดร.
ผ่องศรี ศรีมรกต , การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ เล่มที่
1 ,
486-488 , บริษัท ไอกรุ๊ป
เพรส จำกัด ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง
เขตสวนหลวง กรุงเทพ 10250
ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์ ดร.วาริณี
เอี่ยมสวัสดิกุล , ครั้งที่ 11/2553
, การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
ADULT AND
ELDERLY NURSING , 75-85 , สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ปากเกร็ด นนทบุรี
11120
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น